อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในตอนเช้า

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อในสมัยปัจจุบันนี้มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้อเช้า ซึ่งถือเป็นมื้อที่มีความ สำคัญต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมากเพราะการที่เราเลือกอาหารมื้อเช้าที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ร่างกายของเหล่านั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยให้เราอิ่มท้องไม่รู้สึกหิวในระหว่างวันได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นเมื่อแห่งการเริ่มต้นวันใหม่ของร่างกายเราอีกด้วย

 

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเลือกสารอาหารที่ดีให้แก่ร่างกาย เพื่อให้ร่างกายของเรานั้นได้ประโยชน์ตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าอาหารเช้าจะเป็นมื้อที่มีความสำคัญต่อร่างกายแต่ในสมัยปัจจุบันนี้ก็มีอาหารมากมายหลากหลายประเภทที่เราหลีกเลี่ยงในมื้อเช้า ซึ่งหลายๆคนอาจจะมองข้ามในข้อนี้ไป ฉะนั้น วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าจะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนั้นที่เราควรหลีกเลี่ยงในมื้อเช้าเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อร่างกาย หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

 

  • ซีเรียล

แน่นอนว่าอาหารประเภทนี้เป็นอาหารเช้าที่คนส่วนใหญ่นั้นเลือกทาน เนื่องจากเป็นอาหารที่ทานได้ง่าย สามารถทานได้ในวันที่เร่งรีบได้ ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เราทานอาหารประเภทนี้มักมาก จะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง ถึงแม้ว่าหลายคนจะมองว่าอาหารประเภทนี้เป็นอาหารที่ควรทานมื้อเช้าและมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่า อาหารประเภทนี้จะมีน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง หากเรารับประทานเข้าไปนั้นก็อาจทำให้ น้ำตาลในเลือดของเราพุ่งสูงขึ้นได้นั่นเอง

 

  • โยเกิร์ต

ถึงแม้ว่าอาหารประเภทนี้จะสามารถหาทานกันได้ง่ายๆแต่เราก็ไม่ควรเลือกให้เป็นมื้อเช้า ซึ่งอาหารประเภทนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นแหล่งรวมของโปรตีนและไพรไบโอติกที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่โยเกิร์ตบางประเภทก็อาจอุดมไปด้วยน้ำตาลที่ค่อนข้างสูงจึงไม่เหมาะที่เราจะทานในมื้อเช้า เพราะนอกจากจะทำให้เราไม่รู้สึกอิ่มท้องแล้ว ยังอาจทำให้ร่างกายของเรานั้นได้รับความเสี่ยงอีกด้วย

  • น้ำผลไม้

ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มประเภทนี้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยิ่งเราทานเข้าไปเยอะๆก็จะยิ่งส่งผลดีต่อร่างกายแต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำผลไม้บางประเภทหรือบางยี่ห้อก็อาจอุดมไปด้วยน้ำตาลที่ค่อนข้างสูงซึ่งหากเราทานในมื้อเช้านั้น ก็อาจทำให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อการท้องเสียได้ อีกทั้งยังอาจทำให้น้ำตาลในเลือดของเราพุ่งสูงมากขึ้นเพราะน้ำผลไม้บางประเภทก็อาจอุดมไปด้วยน้ำตาลที่ค่อนข้างสูงจึงอาจทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบนั้นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย. เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

3 อาหารช่วยฟื้นฟูตับให้แข็งแรง

ตับ เป็นหนึ่งในอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมากซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องดูแลรักษาสุขภาพตับให้ดีและแข็งแรงอยู่เสมอ เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญของการใช้ชีวิตของมนุษย์เราเป็นอย่างมาก แต่รู้หรือไม่ คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการทำลายสุขภาพตับโดยที่ตนเองก็ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมการใช้ชีวิต

อาหารช่วยฟื้นฟูตับ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ รวมไปถึงการเลือกรับประทานอาหารก็มีส่วนช่วยในการส่งผลกระทบต่อตับของเราได้เช่นกัน ดังนั้น การดูแลตับให้ดีและแข็งแรงอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะหากร่างกายของเรามีสุขภาพตับที่ดีและแข็งแรงก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ร่างกายของเรานั้น ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กำลังมีพฤติกรรมการทำลายสุขภาพตับและยากที่จะ เสริมสร้างตับให้แข็งแรง วันนี้เราก็จะมาแนะนำอาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพตับของเราให้แข็งแรงรับรองได้เลยว่าหากทานเป็นประจำนั่นจะทำให้สุขภาพตับของเราดีขึ้นและช่วยป้องกันตับให้แข็งแรงได้นั่นเอง อาจจะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

1.มะนาว รู้หรือไม่ว่ามะนาว เป็นหนึ่งในอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงตับของเราได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมะนาวจะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ จึงมีส่วนช่วยในการลดอาการบาดเจ็บของตับ ที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำได้นั่นเอง ดังนั้นการที่เราทานมะนาวหรืออาจจะเป็นการดื่มน้ำมะนาวเป็นประจำรับรองได้เลยว่าจะยิ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพตับของเราให้ดีและแข็งแรงได้

2.บีทรูท รู้หรือไม่ว่าในบรทรูทนั้นจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เรียกว่าเบตาเลน ซึ่งจะมีฤทธิ์ที่มีส่วนช่วยในการต้านการอักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการลดอาการบาดเจ็บของตับที่อาจเกิดขึ้นจากความเครียดที่เราเป็นได้อีกด้วย นอกจากนี้ การทานบีทรูทเป็นประจำ ยังมีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

3.หน่อไม้ฝรั่ง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าหน่อไม้ฝรั่งเป็นแหล่งรวมของวิตามิน ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค และสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งขอบอกเลยว่าหน่อไม้ฝรั่งจะมีส่วนช่วยในการ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในตับได้ รับรองได้เลยว่าหากทานเป็นประจำนั้นจะไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อร่างกายแต่ยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับตักของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

กิจกรรมที่ช่วยบรรเทาความเครียดได้เร็ว

อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีอยุ่แล้วว่า ความเครียด เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำร้ายสุขภาพร่างกายของเรา ยิ่งถ้าเรามีความเครียดสะสมมาก ๆ

กิจกรรมที่ช่วยบรรเทาความเครียดได้เร็ว ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เรานั้นมีความเครียดได้ เพราะคนส่วนใหญ่ก็ต้องดำเนินการใช้ชีวิต อีกทั้งยังต้องใช้ชีวิตไปกับการทำงาน จึงส่งผลให้คนส่วนใหญ่นั้นเกิดความเครียดได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้ความเครียดยังอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ชีวิตในประจำวันอีกด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเลือกรับประทานอาหาร การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ก็อาจส่งผลกระทบต่อความเครียดได้เช่นกัน ดังนั้น การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ

จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะการมีสุขภาพร่างกายที่ดี หรือไม่เครียดนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จำให้การดำเนินชีวิตของเรานั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับความเครียด

และกำลังมองหากิจกรรมเพื่อเป็นตัวช่วยในการบรรเทาความเครียด วันนี้เราก็จะมาแนะนำกิจกรรมที่มีส่วนช่วยในการบรรเทาความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีกิจกรรมอะไรกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย 

1.การเลือกรับประทานอาหาร

แน่นอนว่าการที่เราเลือกรับประทานอาหารรสชาติที่เราชื่นชอบ ก็จะยิ่งทำให้เรานั้นมีความสุขกับการใช้ชีวิต ยิ่งถ้าเป็นอาหารที่เราชื่นชอบ อาหารจานโปรด ก็จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้เรามีความสุข และไม่รู้สึกเครียดได้นั่นเอง ดังนั้นหากใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาความเครียดรุมเร้า การที่เราได้ออกไปรับประทานอาหารรสชาติโปรด ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถบรรเทาเครียดของเราได้ 

2.การออกกำลังกาย

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การที่เราได้ออกไปกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกาย ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมที่อาจช่วยบรรเทาความเครียดได้ อีกทั้งยังช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ยิ่งถ้าเราเสีอเหงื่อมาก ๆ ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นรู้สึกดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 

3.การนอนหลับพักผ่อน

วิธีนี้ถือเป็นวีที่คนส่วนใหญ่เลือกทำกันเยอะมาก ๆ หากใครที่มีความเครียด การที่ร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอนั้น จะยิ่งช่วยให้ร่างกายของเราปลอดภัย และห่างไกลจากความเครียดได้ เพราะหากสมองของเราได้รับการพักผ่อน ก็จะทำให้ร่างกายของเราได้รับการฟื้นฟูไปด้วย ยิ่งถ้าเรามีอาการปวดหัว ปวดตา หรืออาจมีอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากความเครียด หากเราได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอนั้น ก็จะช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากความเครียดให้ลดลงได้นั่นเอง รับรองได้เลยว่าหากทำเป็นประจำนั้นจะช่วยบรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดี 

จะทำอย่างไรเมื่อคุณเครียดมากเกินไป

ความเครียดเป็นหนึ่งในต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ เพราะความเครียดเป็นหนึ่งในอาการที่เกิดขึ้นให้เราเห็นได้บ่อยมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่ยจนทำให้คนส่วนใหญ่นั้นมองว่ามันเป็นอาการที่เกิดขึ้นปกติ แต่รู้หรือว่า ความเครียดเป็นอาการที่ทำร้ายสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

จะทำอย่างไรเมื่อคุณเครียดมากเกินไป ซึ่งถ้าหากเราปล่อยไว้ อาการดังกล่าวก็จะรุนแรงมากขึ้นจนทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายนั่นเอง ความเครียดในสมัยปัจจุบันนี้เกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุมาก ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน รวมไปถึงการใช้ชีวิตอีกด้วย ซึ่งต้องบอกก่อนว่าอาการนี้เป็นอาการทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ดังนั้น การดูแลตนเองให้ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราควรให้ความสนใจ และไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด เพราะการที่เราไม่เครียด ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับความเครียด และอยากที่จะบรรเทาความเครียด เพื่อให้ตนเองนั้นรู้สึกผ่อนคลาย

เพราะคิดว่าตนเองนั้นมีความเครียดมากเกินไป แบะเกรงว่าจะยิ่งทำร้ายสุขภาพ วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการที่จะช่วยให้คุณนั้น สามารถบรรเทาความเครียด จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

  • การออกกำลังกายช่วย

รู้หรือไม่ว่าการที่เราเครียดมาก ๆ จะยิ่งทำให้สุขภาพร่างกายของเรานั้นเสื่อมสภาพลงได้ง่าย    เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก   ดังนั้น การที่เราออกกำลังกายเป็นประจำ ถือเป็นวิธีที่จะช่วยให้เรานั้นรู้สึกผ่อนคลายได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดความเครียดสะสมของเราได้อีกด้วย เนื่องจาการออกกำลังกาย จะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเรานั้นหลั่งออกมา ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายนั่นเอง ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังเครียด ๆ การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยได้ดีอย่างแน่นอน 

  • การปรับความคิด

คนส่วนใหญ่ที่มีความเครียด มักที่จะมีพฤติกรรมคิดมาก และมีอาการวิตกกังลมากจนเกินไป ซึ่งรู้หรือไม่ว่าอาการนี้เป็นอาการที่อาจทำร้ายสุขภาพร่างกายของเราได้เลยก็ว่าได้ ดังนั้น การที่เราลองปรับเปลี่ยนความคิดให้เหมาะสม มองโลกในแง่ดี และคิดบวกให้มาก ๆ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้เรานั้นมีความเครียดที่ลดลง และไม่คิดมากจนทำให้เราเครียดได้ 

  • การหากิจกรรมทำ

เนื่องการที่เราออกไปหากิจกรรมทำ เช่น การดูหนัง ฟังเพลง หรือการที่กิจกรรมที่เราชื่นชอบ เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เรานั้นไม่เครียด เพราะการที่เราได้ออกไปทำกิจกรรมบ่อย ๆ จะยิ่งทำให้จิตใจของเรานั้นรู้สึกผ่อนคลาย และไม่เครียด ดังนั้น การพาตัวเองออกไปจากความเครียด ได้ออกไปทำในสิ่งที่เราชอบ เพียงแค่นี้ก็สามารถช่วยหลีดเลี่ยงเราจากความเครียดแล้ว 

3 โรคอันตรายที่เกิดขึ้นจากการนอนไม่พอ

เชื่อว่าการนอนหลับพักผ่อนในสมัยปัจจุบันนี้นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้น นอกจากจะช่วยให้ร่างกายของเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย รวมไปถึง การทำให้การใช้ชีวิตในประจำวันนั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

แต่คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการนอนหลับไม่เพียงพอ เนื่องจากในชีวิตประจำวันนั้นเต็มไปด้วยการทำงานและการใช้ชีวิต

ซึ่งบางคนนั้น จำเป็นที่จะต้องทำงานจนดึกจนส่งผลให้การนอนนั้น ไม่มีประสิทธิภาพ และส่งผลกระทบต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอาการต่างๆขึ้น รวมไปถึง อาจส่งผลให้ร่างกายนั้นได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้ง่ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การนอนหลับพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม

เพราะปกติแล้วร่างกายของคนเราจำเป็นที่จะต้องได้รับการพักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง จึงจะเพียงพอต่อร่างกาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรานอนพักผ่อนไม่เพียงพอ แน่นอนว่านอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายของเราเสื่อมเสียแล้ว ยังทำให้การใช้ชีวิตของเรานั้นไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

โรคอันตรายที่เกิดขึ้นจากการนอนไม่พอ อย่างไรก็ตาม เราไปดูกันดีกว่าว่า หากร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอนั้น จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายอะไรกันได้บ้าง

 

  • โรคหัวใจ

หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่า หากร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นจะได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ง่าย เนื่องจากว่าการที่ร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่การนอนน้อยก็ตาม จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นมีความดันโลหิตที่สูงมากกว่าปกติ และแน่นอนว่าหากร่างกายของเราตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ขึ้น ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจนั่นเอง

  • โรคไขมันในเลือดสูง

รู้หรือไม่ว่า การที่ร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือได้รับการพักผ่อนน้อยนั้นจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และจะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอลออกมามากเกินไป หากร่างกายของเราหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ออกมา แน่นอนว่า จะส่งผลกระทบต่อการสะสมของไขมันอย่างแน่นอน ดังนั้น ยิ่งไขมันของเราถูกสะสมมากขึ้นแค่ไหนก็ตามก็จะยิ่งส่งผลให้ไขมันเหล่านี้ไปอุดตันในเลือดนั่นเอง

  • โรคเบาหวาน

หลายคนอาจจะมองว่าโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อย แต่รู้หรือไม่ว่าโรคเบาหวานก็ถือเป็นหนึ่งในโลกที่เกิดขึ้นจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอได้เช่นกัน เพราะเนื่องจากว่า หากร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายของเราก็จะอ่อนแอง่าย จนส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนอินซูลีน ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเรานั้นหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ผิดปกติ จนส่งผลให้ร่างกายดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลีน ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคเบาหวานนั้นเอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาการปวดหลังสัญญาณเตือนบอกโรค

อาการปวดหลังสัญญาณเตือนบอกโรค โรคภัยไข้เจ็บในสมัยปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งสมัยนี้เราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่

โดยเฉพาะวัยทำงานไปจนถึงผู้สูงอายุ เป็นช่วงวัยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้สูงมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในวัยทำงาน เนื่องจากเป็นวัยที่อยู่ในช่วงของการทำงาน วัน ๆ เอาแต่นั่งทำงาน จนไม่มีเวลาได้ไปทำอย่างอื่น แม้กระทั่งการดูแลตนเอง

ซึ่งอาการปวดหลังนั้น สามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น การนั่งนานเกินไป การยืนนานเกินไป รวมไปถึงการยกของที่หนักเกินไป เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่คนส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นอาการที่เกิดปกติ แต่รู้หรือไม่ว่า อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นนั้น ก็อาจเป็นอาการที่บ่งบอกถึงโรคร้ายต่าง ๆ ได้เช่นกัน

ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังมีอาการปวดหลัง หรือใครที่อยากรู้ว่าอาการปวดหลังนั้นสามารถบ่งบอกโรคไหนได้บ้าง วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นสัญญาณเตือนโรคไหนได้บ้าง ไปดูกันเลย 

  • โรคกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน

แน่นอนว่าโรคนี้ถือเป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีความน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการที่กล้ามเนื้อของเรานั้นถูกใช้งานมากเกินไป จนส่งผลให้กล้ามเนื้อของเรานั้นเกิดการอักเสบอย่างเฉียบพลันนั่นเอง ซึ่งสำหรับใครที่มีอาการปวดหลังแบบกว้าง ๆ มีอาการก้ม หรือแอ่นหลังไม่ค่อยจะได้ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อกรเป็นโรคกล้ามเนื้ออักเสบแบบเฉียบพลัน

  • โรคไตหรือนิ่ว

หลายคนคงจะสงสัยว่า ทั้งสองโรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับอาการปวดหลังอย่างไร ซึ่งทั้งสองโรคนี้เกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของร่างกายจากภายใน ไม่ว่าจะเป็น นิ่งนกระเพาะปัสสาวะ หรือมีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะจนส่งผลให้เรามีอาการปวดหลังบริเวณเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง    gclubเครดิตฟรี50    รวมไปถึงอาจทำให้เรามีอาการอื่น ๆ ร่วมไปด้วย  ดังนั้น หากใครที่รู้สึกว่าตนเองมีอาการปวดหลังไปจนถึงบั้นเอว ทางที่ดีควรรีบเข้ารับพบแพทย์จะดีที่สุด 

  • โรคหมอนรองกระดูกกดทับ

เป็นโรคที่สามารถบ่งบอกได้ว่า หากเรามีอาการปวดหลัง ซึ่งไม่ว่าเราจะทานยา หรือนอนพักก็ไม่สามารถบรรเทาลงได้ ซึ่งนั่นก็อาจเป็นสัญญาณเตือนที่สามารถบอกได้ชัดแล้วว่า คุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหมอนรองกระดูกกดทับ ควรรีบเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

ประโยชน์ดี ๆ จากการออกกำลังกายแบบฮิต

การออกกำลังกายแบบฮิต หากพูดถึงเรื่องของการออกกำลังกาย แน่นอนว่าในสมัยปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนก็ตาม ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการเล่นกีฬานั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายได้

รวมไปถึงการมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้การออกกำลังกายในรูปแบบฮิต ยังเป็นการออกกำลังกายที่คนส่วนใหญ่นิยมกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูงในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ

ซึ่งเรียกง่าย ๆ ได้ว่าการออกกำลังกายแบบหนับ สลับเบา หรือในรูปแบบช้า หรือเร็วนั่นเอง ซึ่งการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเพียงสั้น ๆ แต่ก็สามารถให้ประโยชน์ที่เยอะแก่ร่างกายของเราได้

ดังนั้น วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าประโยชน์ดี ๆ ที่เราจะได้รับจากการออกกำลังกายแบบฮิตนั้นมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย 

  • สามารถเสริมสร้างความอึดและทนทานได้

เนื่องจากการออกำลังกายที่ดี หลายคนมักที่จะมีความต้องการให้ร่างกายมีความแข็งแรง ทนทาน หรือมีความอึดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายในรูปแบบฮิต สามารถช่วยเพิ่มความอึด ทนให้แก่ร่างกายของเราได้ เพราะการที่เราออกกำลังกายในรูปแบบนี้จะทำให้กล้ามเนื้อของเรามีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความอึด สามารถเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้นานมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

  • สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินไป

แน่นอนว่าการเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกาย ก็สามารถช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายได้เป็นอย่างดีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเล่นเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะยิ่งมีประสิทธิภาพที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าการออกกำลังกายในรูปแบบนี้สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินที่อยู่บริเวณรอบเอวได้เป็นอย่างดี หากออกเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที ก็จะสามารถช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายได้เป็นอย่างดี รับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน 

  • สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้

หลายคนคงจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่เราได้แล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันร่างกายจากการเกิดโรคร้ายบางโรคได้อีกด้วย ซึ่งกีฬาประเภทนี้จะสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี แถมยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาภาวะร่างกายที่มีความดื้อต่ออินซูลินอีกด้วย ดังนั้น ขอบอกเลยว่าหากออกติดต่อกันเป็นประจำจะยิ่งทำให้ร่างกายแข็งแรง และลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

ทำงานหน้าจออย่างไรให้สุขภาพดี

คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ มักที่จะใช้ชีวิตกันอยู่แต่กับหน้าจอ โดยเฉพาะหน้าจอคอมพิวเตอร์ เนื่องจากว่าในชีวิตประจำวันนั้นเต็มไปด้วยการทำงาน จนทำให้ต้องปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย และทำให้ร่างกายนั้นเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมากทีหลัง

การที่เราไม่สนใจในการดูแลสุขภาพร่างกาย จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย ทั้งยัง อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในประจำวันอีกด้วย ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การมีสุขภาพร่างกายเราดีนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรให้ความใส่ใจ

และไม่ควรมองข้าม ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่หน้าจอนานแค่ไหน หรือบ่อยแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ควรปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาของสุขภาพตา เพราเป็นอวัยวะที่ถือว่าทำงานหนักเป็นอย่างมาก

ทำงานหน้าจออย่างไรให้สุขภาพดี หากไม่ใส่ใจ หรือดูแลเป็นอย่างดี สายตาของเราก็จะยิ่งเสื่อมสภาพลง จนอาจส่งผลกระทบอื่น ๆ ขึ้นมาได้ ดังนั้น สำหรับใครที่ทำงานหนักจนทำให้สุขภาพสายตา หรือสุขภาพร่างกายนั้นเสีย วันนี้เราจะมานำการทำงานอยู่หน้าจออย่างไรให้สุขภาพดี เพราะเราทุกคนไปไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำงานได้ จะมีวิธีไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

1.การพักสายตา

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่าสายตาเริ่มปวด เริ่มล้า  เครื่องช่วยฟัง    หรือเริ่มที่จะมองไม่ค่อยเห็น อาจเป็นไปได้ว่าสายตาของคุณนั้นเริ่มที่จะทำงานหนักมากแล้ว ทางที่ดี ควรที่จะออกไปพักสายตาบ้าง เพื่อที่สายตาจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป ซึ่งวิธีนี้ก็ถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยทำให้สายตาของคุณนั้นคงสุขภาพดี และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถุงแม้จะพักได้ไม่นาน แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรต่ำกว่า 20 นาที เพื่อที่จะได้ทำให้สายตาของเรารู้สึกสบายขึ้นนั่นเอง 

2.การสวมใส่แว่น

หลายคนคงจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า แว่นตาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญต่อสายตาเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเราต้องทำงานอย่างหนัก ๆ จนไม่ได้หยุดพัก ก็ควรที่จะป้องกันสายตาด้วยการเลือกแว่นตาที่สามารถช่วยป้องกันสายตาจากความอันตราย โดยเฉพาอย่างยิ่งแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นแสงที่อาจส่งผลเสียต่อสายตา ดังนั้น การสวมใส่แว่นตาอย่างเหมาะสมนอกจากจะช่วยลดอาการปวดตา ได้แล้ว ยังคงช่วยในการรักษาสุขภาพตาของเราให้ดีได้อีกด้วย 

3.การปรับหน้าจอให้พอดี

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การนั่งทำงานอย่างสาย ๆ ก็เป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ ดังนั้น หากต้องการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือทำงานอย่างไรให้คงสุขภาพร่างกายที่ดี ซางการปรับหน้าจอคอมให้พอดีก็เป็นสิ่งหนึ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลเสียต่อร่างกายน้อย 

รู้หรือไม่การนอนหลับก็ช่วยลดน้ำหนักได้ 

รู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาดูแลสุขภาพร่างกายกันมากขึ้นเรื่อยๆ 

การนอนหลับก็ช่วยลดน้ำหนักได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหันมาออกกำลัง

เพราะคนส่วนใหญ่อาจจะมองว่า การออกกำลังกายนั้นจะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเพื่อเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการเสริมสร้างความมั่นใจและทำให้รูปร่างของหลายๆคนนั้นสวยและดูดีขึ้นได้ ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการลดน้ำหนักในสมัยปัจจุบันนี้เป็นที่นิยมมากๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม โดยเฉพาะการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร หรือแม้แต่อาจจะเป็นวิธีการเลือกทานผลิตภัณฑ์ บางชนิด

แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในความเป็นจริงแล้วนั้น การนอนหลับพักผ่อน ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถลดน้ำหนักได้ ถึงแม้ว่าหลายๆคนมักที่จะมีพฤติกรรมการนอนดึกหรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม

ยิ่งถ้าใครอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ขอบอกเลยว่าการนอนหลับก็มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าจะมีเหตุผลไหนกันบ้างนั้นที่สามารถทำให้การนอน เป็นการลดน้ำหนักได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาได้ออกกำลังกาย อาจจะมีเหตุผลไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

  • การเพิ่มโอกาสในการทานมื้อดึก

รู้หรือไม่ว่าการที่เรารีบเข้านอนหรือเข้านอนตรงตามเวลาอยู่เป็นประจำนั่นจะทำให้เราเพิ่มโอกาสในการลดการทานอาหารมื้อดึกๆหรือของว่างในมื้อดึกให้ลดน้อยลงได้ เพราะแน่นอนว่าในช่วงกลางคืนหรือเด็กๆนั้นร่างกายของคนเราจ๊ะ รู้สึกหิวขึ้นมาจึงทำให้หลายๆคน มักที่จะรับประทานอาหารมื้อดึกๆจนทำให้อ้วนได้ง่ายนั่นเองดังนั้นการที่เราเข้านอนตรงตามเวลาหรือเข้านอนเร็วถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เรานั้นสามารถลดน้ำหนักและควบคุมความหิวของตนเองได้

  • การเผาผลาญไขมัน

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการที่เรานอนดึกเป็นประจำนั้นจะทำให้ร่างกายของเรามีระบบเผาผลาญไขมันที่ลดน้อยลงหรือทำให้ระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ ฉะนั้นสำหรับใครที่อยากลดน้ำหนักด้วยการนอนหลับก็ควรที่จะเข้านอนให้ตรงตามเวลาหรือนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการเพื่อให้ ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การเกิดภาวะดื้ออินซูลิน

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าอินซูลินเป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีพฤติกรรมการนอนดึกเป็นประจำ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีพฤติกรรมการนอนดึกเป็นประจำ ร่างกายของเราจะเกิดภาวการณ์ดื้ออินซูลินจึงทำให้มีระบบการทำงานภายในร่างกาย หรือมีระบบเผาผลาญแคลอรี่ที่ลดน้อยลงได้ ฉะนั้น หากไม่อยากให้ร่างกายได้รับความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดื้ออินซูลินจนทำให้เราอ้วนได้ง่ายก็ควรที่จะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ระบบเผาผลาญแคลอรี่ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนจาก    เครื่องช่วยฟัง

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้า เป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีความอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ซึ่งสมัยปัจจุบันนี้เด็ก  ๆ ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะมาก ๆ เพราะโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายของเรามีอาการเบื่อหน่าย หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ มีพฤติกรรมการกิน หรือแม้แต่พฤติกรรมการนอนที่เปลี่ยนไป

แน่นอนว่าโรคนี้มีความอันตราถึงขั้นอาจคร่าชีวิตของเราไปเลยก็ว่าได้ แต่ทว่าโรคนี้ก็ยังเป็นโรคฮิตที่เรามักจะพบเจอกันอยู่บ่อย ๆ จนทำให้หลาย ๆ คนนั้นอาจจะกลัวบ้าง หรืออาจชินไปกับโรคก็ได้ นอกจากนี้อาการซึมเศร้ายังเป็นอาการที่อาจทำให้เด็ก ๆ นั้นมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปอีกด้วย

รวมไปถึงอาจส่งผลให้เด็ก ๆ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายอื่น ๆ ได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย  เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด    ฉะนั้น สำหรับผู้ปกครองคนไหนที่มีความเป็นห่วงว่าลูกตนเอจะเป็นโรคซึมเศร้า หรือสำหรับผู้ปกครองคนไหนที่ลูกกำลังตกเป็นเหยื่อของอาการซึมเศร้า แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาง่าย ๆ เกี่ยวกับการที่ลูกเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งก็เป็นวิธีง่าย ๆ จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดุกันเลย 

1.การรับฟังปัญหาของลุก ๆ อยู่เสมอ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ผู้ป่วยซึมเศร้านั้น เป็นผู้ป่วยที่ค่อนข้างมีโรคส่วนตัวสูง ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ลุก ๆ ของเรามีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม ทางที่ดีก็ควรที่จะคอยรับฟังปัญหา พร้อมพากันคิดค้นหาทางออกให้เจอ เพราะการที่เราเป็นคนที่คอบรับฟังปัญหาต่าง ๆ ของเขา เขาก็จะรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น ไม่แน่ถ้าหากเราทำแบบนี้ประจำลูกของคุณอาจจะหายจากอาการซึมเศร้าก็ได้ 

2.การคอยดุแลสภาพจิตใจ

แน่นอนว่าจิตใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก การที่เราคอยถะนุถนอมจิตใจของลูก ๆ คอยดุแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงการดุแลสุขภาพร่างกายด้วย เขาจะได้รู้สึกว่าเขาไมได้โดดเดี่ยว แต่เขายังมีครอบครัวที่คอบเป็นกำลังใจ ให้ก้าวผ่านอุปสรรคที่เป็นอยู่ไปได้อย่างไม่โดดเดี่ยวนั่นเอง 

3.การสนับสนุนให้ลูกสนใจในกิจวัตรประจำวัน

รู้หรือไม่ว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเป็นผู้ป่วยที่ชอบอยู่ตัวคนเดียว ดังนั้น การที่เราคอยสนับสนุน หรือคอยกระตุ้นให้ลูก ๆ หันมาสนใจในการทำกิจกรรมมากยิ่งขึ้น จะเป็นการที่เราเอาตัวพวกเขาออกมาจากโลกส่วนตัว ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เราได้กระตุ้นให้เราสนใจกับโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาได้รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเป็นอย่างไรนั่นเอง